เชื่อว่าหลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า Valerian and the City of a Thousand Planets นั้นสร้างมาจากหนังสือการ์ตูนฝรังเศสที่เขียนขึ้นตั้งแต่ปี 1967 และเพิ่งอวสานไปเมื่อปี 2010 ที่ผ่านมานี่เอง โดยตอนที่การ์ตูนเล่มนี้ออกใหม่ ๆ ลุค เบสซง เพิ่งจะอายุได้เพียง 10 ขวบเท่านั้น เขาเป็นเพียงเด็กคนหนึ่งที่ติดการ์ตูนเรื่องนี้งอมแงมแต่ว่าสมัยนั้นมันตีพิมพ์แค่สัปดาห์ละ 2 หน้า ซึ่งเด็กไทยหลายคนที่โตมาในยุคหนังสือการ์ตูนรายสัปดาห์เช่น บูม ก็น่าจะมีประสบการณ์ร่วมคล้าย ๆ กับลุค เบสซงเช่นกัน
เบสซงบอกว่าเขาหลงรักคู่หูคู่นี้มาก มันจะฟีลเหมือน Mr. and Mrs. Smith ที่ทั้งคู่ต่างคนต่างเจ๋งแต่ว่าชอบทะเลาะจิกกัดกันเองตลอดเวลา ตัวพระเอกก็คือวาเลเรียนจะขี้เก๊กหน่อย ๆ แถมยังชอบคิดว่าตัวเองเจ๋งเป้งที่สุดแล้ว ส่วนลอเรลลีนจะเป็นนางเอกแนวเก๋า ๆ ที่ชอบขัดคอวาเลเรียนเวลาเขาพูดจาโอ้อวด ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนคือสิ่งที่ทำให้เบสซงอยากดัดแปลงการ์ตูนที่เขารักในวัยเด็กขึ้นมาเป็นหนังใหญ่แต่ติดปัญหาที่ว่ามันยังไม่มีเทคโนโลยีที่ล้ำพอจะถ่ายทอดจินตนาการของเขาได้ จนกระทั่งเขาได้รับคำชวนจากเจมส์ คาเมรอน ให้เข้าไปในกองถ่ายหนังเรื่อง Avatar ซึ่งสิ่งที่เบสซงได้รับกลับมาคือคำแนะนำดี ๆ จากปรมาจารย์ขั้นเทพ
อย่างไรก็ตามลุค เบสซงบอกว่าเขาคงไม่คิดฝันจะดัดแปลงการ์ตูนโปรดวัยเด็กเรื่อง Valerian and Laureline ให้กลายเป็นหนังหรอกถ้าเขาไม่เคยดู Star Wars มาก่อนตอนอายุ 16 ปี ซึ่งถือเป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้เกิดเป็นหนังเรื่อง Valerian and the City of a Thousand Planets โดยเขายังปิดท้ายด้วยว่าศิลปินทั้งหลายล้วนมอบแรงบันดาลใจให้แก่กันมาตลอด ยกตัวอย่างเช่นเควนติน ทาแรนติโน่เคยให้สัมภาษณ์ว่าได้อิทธิพลการทำหนังมาจาก Leon The Professional แต่ตัวลุค เบสซงเองกลับไม่เคยรู้สึกว่าหนังของเควนตินขโมยอะไรใน Leon ไปใช้เลย ซึ่งเควนตินก็เป็นผู้กำกับที่เจ๋งในแบบของตัวเองอยู่ดี
ได้ยินแบบนี้แล้วผมนี่รอดูคู่หูคู่กัดในหนังงานภาพสวยล้ำแบบ Valerian and the City of a Thousand Planets เลย จากตัวอย่างที่ปล่อยมาคงพอจะไว้ใจเรื่องวิสัยทัศน์งานศิลป์ได้ว่าเจ๋งแน่ ๆ
อ้างอิงสัมภาษณ์บางส่วนจาก http://www.denofgeek.com/…/luc-besson-on-valerian-the-audie…